เปิด 6 วิธีรอดจาก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ใช้ AI ปลอมเสียง
ปัจจุบันเหล่าบรรดาแฮกเกอร์เริ่มพัฒนาการโคลนเสียงมนุษย์โดยใช้ AI เพื่อหลอกล่อและฉ้อโกงทางการเงินกับเหยื่อโดยการทำให้คิดว่ากำลังพูดคุยกับคนที่รู้จักทางโทรศัพท์ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นการพูดคุยกับคอมพิวเตอร์
การโคลนเสียง AI เหล่านี้ได้รับการฝึกฝนกับคลิปเสียงคำพูดของคนที่มีอยู่และสามารถปรับให้เลียนแบบได้เกือบทุกคน
โดยรุ่นล่าสุดสามารถพูดได้หลายภาษา OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT เพิ่งประกาศโมเดลการอ่านออกเสียงข้อความใหม่ที่สามารถปรับปรุงการโคลนเสียงและทำให้เข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แม้ว่าภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาจจะเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วย "6 วิธี" ดังนี้
1. จำไว้เสมอว่า AI Audio นั้นตรวจจับได้ยาก : ไม่ใช่แค่ OpenAI เท่านั้น บริษัทด้านเทคโนโลยีหลายแห่งกำลังพยายามจำลองคำพูดของมนุษย์ให้ดูสมบูรณ์แบบมากที่สุด ในแง่มุมของ Generative AI ในปีที่ผ่านมา เสียงของ AI เป็นการเลียนแบบของจริงที่น่าเชื่อถือมากขึ้น กลยุทธ์ด้านความปลอดภัยใดๆ ที่ต้องพึ่งพามนุษย์ในการตรวจจับพฤติกรรมแปลกๆ ทางโทรศัพท์นั้นล้าสมัยไปแล้ว
2. วางสายแล้วโทรกลับ : เป็นเรื่องง่ายสำหรับมิจฉาชีพในการปลอมแปลงทำให้ดูเหมือนว่าสายที่โทรมานั้นมาจากหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกต้องจากหน่วยงานของรัฐหรือธนาคาร
ดังนั้นต้องมีสติตลอดเวลาไม่ว่าสายนั้นจะมาจากธนาคารหรือจากคนรู้จักก็ตาม ทุกครั้งที่รับโทรศัพท์เพื่อขอเงินหรือข้อมูลส่วนตัวให้แจ้งว่า ขอโทรกลับและจากนั้นเริ่มค้นหาหมายเลขทางออนไลน์หรือในรายชื่อติดต่อ และลองส่งข้อความถึงหน่วยงานนั้นๆ ผ่านช่องทางการสื่อสารอื่นที่ได้รับการยืนยันแล้ว เช่น วิดีโอ แชท หรืออีเมล
3. สร้างโค้ดลับ : การสร้างคำหรือโค้ดลับที่ปลอดภัยที่มีเพียงตัวเองและคนสนิทเท่านั้นที่รู้เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกข่มขู่เพื่อพิสูจน์ว่าปลายสายนั้นเป็นคนที่เรารู้จักจริงๆ ไม่ใช่ AI หรือมิจฉาชีพ แม้ว่าการโทรกลับหรือการยืนยันผ่านวิธีการสื่อสารอื่นจะดีแต่โค้ดลับที่ปลอดภัยอาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเด็กหรือญาติผู้สูงอายุที่อาจติดต่อได้ยาก
4. ถามคำถามเฉพาะ : หากไม่มีโค้ดลับที่ปลอดภัยในการตัดสินใจว่าปลายสายเป็นมิจฉาชีพจริงหรือไม่ ลองถามคำถามที่มีเพียงคนสนิทเท่านั้นที่จะรู้คำตอบ อย่างเช่น อยากจะแน่ใจว่านี่คือคุณจริงๆ คุณช่วยเตือนฉันหน่อยได้ไหมว่าเรารับประทานอาการอะไรเป็นมื้อเย็นเมื่อคืนนี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคำถามนั้นเจาะจงเพียงพอที่มิจฉาชีพไม่สามารถตอบได้อย่างถูกต้อง
5. คิดไว้เสมอว่า ไม่ว่าจะเป็นเสียงแบบไหนก็ถูกเลียนแบบได้ : การโคลนเสียง Deepfake ไม่ได้สงวนไว้แต่เฉพาะคนดังและนักการเมืองเท่านั้น คนทั่วไปมักเข้าใจว่าสิ่งนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นกับตนได้ ไม่มีใครสามารถโคลนเสียงของฉันได้
แต่ลืมคิดไปว่าเสียงของคุณเพียง 5-10 วินาทีบน TikTok หรือ YouTube ก็สามารถนำมาใช้เพื่อสร้างโคลนได้อย่างง่ายดาย เพราะการใช้เครื่องมือ AI นั้น ข้อความเสียงที่ส่งออกไปยังสมาร์ตโฟนอาจเพียงพอที่จะจำลองเสียงของคุณได้
6. อย่าอ่อนไหวต่อสถานการณ์ที่ถูกกดดัน : มิจฉาชีพสามารถสร้างความไว้วางใจและความรู้สึกเร่งรัดเพื่อค้นหาจุดอ่อนและหลอกลวงเหยื่อ ดังนั้นควรใช้เวลาเพื่อไตร่ตรองสถานการณ์และไม่ทำตามที่มิจฉาชีพบอกทันทีในขณะสนทนา เนื่องจากมิจฉาชีพที่เก่งที่สุดไม่จำเป็นต้องเป็นแฮกเกอร์ที่เชี่ยวชาญทางเทคนิคที่สุดแต่มีความเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์เป็นอย่างดี
สุดท้ายนี้หากสามารถปฏิบัติได้ตามคำแนะนำข้างต้นได้อย่างมีสติ ผมขอแสดงความยินดีด้วย คุณรอดจากการถูกหลอกลวงทางปัญญาประดิษฐ์ AI ได้สำเร็จแล้วครับ
สามารถติดตามบทความจาก CEO ผ่านทางบทความ Think Secure โดย คุณนักรบ เนียมนามธรรม (นักรบ มือปราบไวรัส) เป็นประจำทุกสัปดาห์ ได้ทางหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ หรือช่องทาง Online ที่ https://www.bangkokbiznews.com/category/tech/gadget
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (ฉบับวันที่ 22 เมษายน 2567)
https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1123336