8 อันดับงานด้าน Cybersecurity ที่ต้องการมากที่สุด
สายงานที่ท้าทายและเต็มไปด้วยโอกาส
โลกกำลังต้องการ “บุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์” เพราะภัยคุกคามและอันตรายต่างๆ ไม่ได้เกิดขึ้นเหมือนเช่นเดิมอีกต่อไป ไม่ว่าจะเกิดกับตัว “บุคคล” หรือ “ทรัพย์สิน” ตัวแปรสำคัญคือความก้าวล้ำทางเทคโนโลยี โลกถูกเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็วทุกสิ่งรอบตัวเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ภัยคุกคามก็ตามไปอยู่ในโลกออนไลน์ด้วยเช่นกัน “อาชญากรทางไซเบอร์” จึงถือกำเนิดขึ้นกลายเป็นการก่ออาชญากรรมที่ไร้พรมแดน ดังนั้นเราจึงต้องมีบุคลากรกลุ่มนี้ในการทำหน้าที่เฝ้าระวังและรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
บุคลากรทางไซเบอร์ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับองค์กรต่างๆ โดยใช้ความสามารถ ทักษะ และความเชี่ยวชาญด้าน Cybersecurity ในการยับยั้งและป้องกันภัยคุกคาม สายงานนี้ประกอบด้วยหลากหลายหน้าที่ด้วยกัน มีความสำคัญแตกต่างกันไป อย่างกับที่กล่าวไว้ว่าโลกกำลังต้องการบุคลากรทางไซเบอร์ และนี่คือ 8 อันดับงานด้าน Cybersecurity ที่ต้องการมากที่สุด
1. Cybersecurity engineer
Cybersecurity engineer สร้างระบบรักษาความปลอดภัย Information Security ปกป้องการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต และการโจมตีทางไซเบอร์ โดยพัฒนาและบังคับใช้แผนการรักษาความปลอดภัย มาตรฐาน ข้อกำหนด แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด และสร้างแผนฉุกเฉินเพื่อให้สิ่งต่างๆ พร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่เกิดภัยคุกคาม
2. Cybersecurity analyst
บทบาทของนักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยนั้นค่อนข้างกว้าง และอาจรวมถึงความรับผิดชอบมากมาย เช่น การตรวจสอบแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านความปลอดภัย ข้อกำหนด และขั้นตอนด้วยเครื่องมือที่เหมาะสม บุคคลในบทบาทนี้จะวิเคราะห์รายงานจากเครื่องมือเพื่อระบุพฤติกรรมเครือข่ายที่ผิดปกติ หรือผิดปกติในเชิงรุก นอกจากนี้ยังอาจควบคุมการเข้าถึงไฟล์และการรับรอง การอัปเดตเครือข่ายและการบำรุงรักษาไฟร์วอลล์
3. Network security architect
มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยของสถาปัตยกรรมองค์กร ในขณะที่ยังคงรักษาประสิทธิภาพการทำงาน ความพร้อมใช้งาน และประสิทธิภาพการทำงานของเครือข่าย Network security architect ช่วยแปลความต้องการทางธุรกิจให้เป็นระบบที่ใช้งานได้ กำหนดนโยบายและขั้นตอนที่เหมาะสมสำหรับระบบเหล่านั้น และแม้แต่ช่วยฝึกอบรมผู้ใช้และผู้ดูแลระบบ พวกเขายังจับตาดูข้อจำกัดด้านงบประมาณและการดำเนินงานอีกด้วย นี่คือเหตุผลที่ทักษะด้านบุคลากรและการจัดการเป็นทักษะสำคัญที่ควรมีในบทบาทนี้
4. Security software developer
บทบาทของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ความปลอดภัยเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเขียนโค้ดซอฟต์แวร์และสนใจใน Information Security ด้วยการรวมความรู้ด้านเทคนิคในการเขียนโปรแกรมเข้ากับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และทักษะการวิเคราะห์ความปลอดภัย นักพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยจะสร้างซอฟต์แวร์และเพิ่มความปลอดภัยให้กับซอฟต์แวร์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งจากการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น ในการทำเช่นนี้พวกเขาต้องมีความรู้ที่ทันสมัยเกี่ยวกับแนวภัยคุกคาม สามารถกำหนดแนวความคิดของภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ได้ในวันนี้ และดำเนินการเพื่อจัดการกับภัยคุกคามเหล่านั้นตั้งแต่เนิ่นๆ
5. Penetration tester/Ethical hacker
แฮ็กเกอร์ผู้ที่มีจริยธรรม หรือที่เรียกว่า White Hat Hackers พวกเขาทำตัวเหมือนผู้ร้ายเพื่อทำความเข้าใจแรงจูงใจ แนวทาง และการดำเนินการคุกคามของผู้โจมตี พวกเขาทำการทดสอบการเจาะระบบเพื่อค้นหาช่องโหว่และช่องว่างในข้อกำหนดความปลอดภัยสำหรับเครือข่าย ระบบปฏิบัติการ อุปกรณ์ และแอปพลิเคชันบนเว็บ พวกเขายังแนะนำการแก้ไขที่เกี่ยวข้องก่อนที่ช่องโหว่เหล่านี้จะถูกโจมตีโดยผู้ไม่หวังดี อีกทั้งยังมีบทบาทเชิงรุกในการปกป้องข้อมูลและระบบขององค์กรอีกด้วย
6. Application security engineer
Application security engineer รับผิดชอบในการรับรองความปลอดภัยของเครือข่าย ข้อมูล และแอปพลิเคชันขององค์กร ว่าแอปพลิเคชันและบริการขององค์กรได้รับการรักษาความปลอดภัยและดำเนินการด้วยแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังทำหน้าที่คาดการณ์ช่องโหว่ของโครงสร้างและกำหนดวิธีการแก้ไข งานของพวกเขารวมถึงการอัปเดตซอฟต์แวร์ สร้างไฟร์วอลล์ และเรียกใช้โปรแกรมเข้ารหัสภายในเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือแอปพลิเคชัน เป้าหมายของพวกเขาคือการค้นหาและซ่อมแซมจุดอ่อนก่อนที่อาชญากรไซเบอร์จะมีโอกาสบุกรุกแอปพลิเคชัน
7. Malware analyst
ประเภทและความสามารถของมัลแวร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอธิบายได้ว่าเหตุใดองค์กรจำนวนมากจึงตกเป็นเหยื่อของภัยคุกคามนี้ ทำให้หลายๆ บริษัทกำลังวางแผนและเตรียมความพร้อมรับมือกับมัลแวร์รูปแบบใหม่ๆ ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและตรวจจับได้ยาก นี่คือสาเหตุที่ความต้องการ Malware analyst เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดย Malware analyst ทำหน้าที่ระบุและตรวจสอบภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับมัลแวร์ พวกเขายังวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาคือการเข้าใจธรรมชาติของภัยคุกคามและการโจมตีดังกล่าว เพื่อพัฒนาและปรับแต่งเครื่องมือป้องกันมัลแวร์ และจัดทำเอกสารวิธีการที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงภัยคุกคามจากมัลแวร์ในอนาคต
8. Computer forensics analyst / Digital forensics examiner
นักวิเคราะห์ทางนิติวิทยาศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ หรือที่เรียกว่าผู้ตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ทางดิจิทัล เป็นผู้ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุในโลกอาชญากรรมทางไซเบอร์ ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มนี้มีค่ามหาศาลเมื่อพูดถึงการสืบสวนอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อองค์กร และหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก จากการสืบสวนของพวกเขาทำให้ค้นพบว่าผู้ก่อภัยคุกคามเข้าถึงเครือข่ายองค์กรได้อย่างไร และช่องโหว่ด้านความปลอดภัยใดที่ต้องอุดไว้เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำของเหตุการณ์การเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตดังกล่าว พวกเขายังวิเคราะห์หลักฐานดิจิทัลที่ผู้โจมตีทิ้งไว้ เตรียมหลักฐานเพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายหรือการบังคับใช้กฎหมาย และเมื่อจำเป็นอาจจะต้องขึ้นให้การในฐานะผู้เชี่ยวชาญระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล
เมื่อองค์กรพัฒนาไปสู่การดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการ และองค์กรต่างๆ ต้องเตรียมการวางแผนรับมือ ดังนั้นความต้องการบุคลากรทางไซเบอร์จึงเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งสายงานในวิชาชีพด้านนี้ไม่เพียงแต่เป็นสาขาที่น่าสนใจ แต่ยังได้ชื่อว่าเป็นอาชีพแห่งอนาคต มีความท้าทาย ได้ค่าตอบแทนสูง และมอบโอกาสมากมายในการเติบโตในสายงาน อีกทั้งยังเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยปกป้ององค์กรให้ปลอดภัยในโลกไซเบอร์ ในช่วงเวลาที่ภัยคุกคามพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และทวีความรุนแรงมากขึ้น
ข้อมูลจาก https://www.techtarget.com/whatis/feature/5-top-cybersecurity-careers